วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561

ก่อนเรียนภาษาจีนเริ่มต้นอย่างไร

        
ก่อนที่จะเริ่มเรียนภาษาจีนนั้นสิ่งที่ต้องเตรียมอันดับแรกเลยคือ

1. เตรียมใจ

       
         
           พึงสังวรณ์ไว้เสมอว่าต่างกับการเรียนภาษาอังกฤษอย่างแน่นอน การออกเสียงในแต่ละคำไม่ควรเอาไปเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษหรือภาษาไทย ควรฝึกออกเสียงตามหลักการออกเสียงในภาษาจีนตั้งแต่ต้น เพื่อหลีกเลี่ยงการออกเสียงที่ไม่มาตรฐาน


2. อุปกรณ์สำหรับการเรียนภาษาจีน

- 詞典 Dictionary
        


       
          เอาไว้ค้นหาคำศัพท์ที่เราไม่รู้ความหมายหรือตัวจีนที่เราอ่านไม่ออก สิ่งนี้สำคัญที่สุดสำหรับการเรียนภาษาต่างประเทศ จะเป็นดิคเล่ม Talking dic หรือจะโหลดAppมาใช้ก็ได้ แต่สำหรับผู้เริ่มเรียนแนะนำว่าให้ฝึกใช้ดิคแบบเล่มก่อน พอทักษะดีขึ้นค่อยใช้เครื่องมือที่Level up


- สมุดตารางคัดตัวอักษร

       
         
        นักเรียนๆทุกคนที่เรียนกับเหล่าซือ เหล่าซือจะให้ซื้อสมุดตารางไว้ติดตัวคนละ2เล่ม เล่มแรกไว้ทำแบบฝึกหัดในชั่วโมงเรียน อีกเล่มนึงไว้ทำการบ้าน หรือไม่ก็ซื้อตุนไว้หลายๆเล่มเลยก็ดีเพราะเราจะต้องใช้เยอะ หรือใครไม่อยากซื้อจะใช้วิธีโหลดมาจากเว็บไซต์ก็ได้ แล้วเอามาถ่ายเอกสาร+เข้าเล่มเอง(ถ้ามีเวลาว่าง)

- สมุดโน้ต(ใช้จดเนื้อหาระหว่างเรียน)

     
           อีก1itemที่ควรมี คือสมุดโน้ตเล่มนี้ไว้ใช้จดหลักแกรมม่าที่เรียนไปในแต่ละบท จะเอาสมุดเหลือใช้อะไรก็ได้มาใช้เนื่องจากหนังสือเรียนที่เหล่าซือทำให้ที่ว่างมันไม่พอจด บวกกับคำอธิบายหลักแกรมม่าในหนังสือก็เป็นภาษาจีน เหล่าซือเลยเอามาแปลภาษาไทยใหม่หมด และอธิบายให้นักเรียนเข้าใจโดยใช้ภาษาของตัวเองและยกตัวอย่างประโยคใกล้ๆตัว แต่สอดคล้องกับหลักแกรมม่าที่กำลังเรียนอยู่ เพื่อเพิ่มความเข้าใจมากยิ่งขึ้น


- สมุดโน้ตเล่มเล็ก(ใช้จดคำศัพท์)


     
          itemนี้จัดว่าเด็ด เพราะมันสามารถใช้ได้ในทุกทักษะแม้กระทั่งในทักษะระดับสูง เวลาเหล่าซือให้นักเรียนจำคำศัพท์ที่จะใช้สอบในแต่ละครั้ง วิธีที่จะทำให้เราจำแม่นมากยิ่งขึ้นคือ โน้ตคำศัพท์ที่ต้องการจะใช้สอบลงไปในสมุดเล่มนี้ แล้วทำการท่องจำโดยการคัด ข้อดีของมันคือสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ เวลานั่งรถนานๆหรือช่วงรถติด ก็เอามาท่องจำได้โดยที่ไม่ต้องพกหนังสือเรียนไปเพราะไม่สะดวกในการพกพา นอกจากไม่เสียเวลาเปล่าแล้วยังทำให้ทักษะเราแน่นขึ้นอีกด้วย(ตอนเรียนมหาลัยและเรียนที่จีน/ไต้หวันเหล่าซือใช้วิธีนี้มาตลอด) ไม่ว่าเราจะเดินทางไปไหนก็ตาม

          
        ในการเรียนภาษาต่างประเทศต้องขยันโน้ตศัพท์ที่เราไม่รู้ เวลาที่เราเล่นSocail ดูหนัง ฟังเพลง อ่านบทความหรือทำอะไรก็ตามถ้าเจอศัพท์ใหม่ก็โน้ตไว้แล้วเปิดดิคหาความหมาย จากนั้นก็ฝึกคัดไปเรื่อยๆ รับรองว่าคำศัพท์ในหัวเราจะเยอะและกว้างขึ้น กว้างกว่าคนที่เอาแต่เรียนในหนังสือเรียนแน่นอน

- กระดาษreuse(ใช้ฝึกเขียนตัวจีน)

       
        ในกรณีที่เราเขียนตัวจีนคล่องมือแล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องฝึกคัดในสมุดตารางอย่างเดียวเสมอไป เพื่อไม่เป็นการสิ้นเปลืองสมุดโดยใช่เหตุ สมุดตารางเสียเงินซื้อมาก็เอาไว้ใช้ทำการบ้านส่งดีกว่า



3. การจัดการตารางเวลาที่เป็นระบบ

       
        หลักๆก็คือการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง อันไหนสำคัญมาก ทำก่อน อันไหนสำคัญน้อยค่อยทำทีหลัง ยกตัวอย่างเช่น วันไหนที่มีสอบเขียนศัพท์เราไม่ควรอดนอน ควรนอนหลับให้เพียงพอ และที่สำคัญคือทบทวนบทเรียนและท่องศัพท์ทุกครั้ง ห้ามดองเด็ดขาด!! ก่อนสอบเขียนศัพท์ในแต่ละครั้งควรเตรียมตัวมาให้ดีเท่าที่จะทำได้ และในระหว่างที่สอบต้องตั้งใจทำให้เต็มที่ คะแนนมันจะออกมาเท่าไหร่ยังไม่ต้องไปกังวล ในเมื่อเราทำสุดความสามารถแล้วผลย่อมออกมาดีแน่นอน


        เตรียมตัวครบทุกอย่างตามที่เหล่าซือได้กล่าวมาทั้งหมดแล้วละก็ stepต่อไปก็วางแผนในการเรียนหรือแผนอย่างอื่นต่อไปได้เลยจ้า
     
--Tutor Fha--


สนใจเรียนภาษาจีนกับ Tutor Fha Click!

https://www.facebook.com/Chinesetutorfha

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561

วิธีเรียนภาษาจีนแล้วเจ๊ง


          หลายคนอยากเรียนภาษาจีนเพราะอยากเพิ่มพูนศักยภาพด้านภาษาให้ตนเอง ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ดีและน่าชื่นชมแต่หลายคนที่ไม่เคยศึกษาหาข้อมูลมักจะคิดและมโนไปเองว่าไม่ต้องเรียนการเขียนตัวอักษรก็ได้ เรียนแค่การออกเสียงอย่างเดียวก็พอ ซึ่งความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ และอีกหลายๆคนก็มักจะเอาไปเปรียบเทียบกับการเรียนภาษาอังกฤษ(แค่เริ่มคิดก็เริ่มไม่ถูกทางซะแล้ว)
          
        แล้ววิธีการไหนล่ะที่ทำให้เรียนภาษาจีนแล้วประสบความสำเร็จ เหล่าซือไม่มี How to ที่ตายตัวให้นักเรียนหรอกค่ะ แต่เหล่าซือมีวิธีการแบบไหนที่เรียนภาษาจีนแล้วไปไม่รอดมาบอก 


1. มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อภาษาจีน


        ข้อนี้สำคัญมากค่ะปกติแล้วคนเราถ้ามีทัศนคติที่ดีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราจะขวนขวายพยายามทำมันให้ได้ ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม ภาษาจีนเป็นภาษาที่ดูเหมือนจะยาก แต่ถ้าเราจับหลักการที่ถูกต้องได้แล้วจะไม่ยากเลย(ความเห็นส่วนตัว)
          
        นักเรียนหลายคนไม่ชอบเรียนภาษาจีนเพราะว่ามันยาก โดนที่โรงเรียนบังคับให้เรียนอ.ผู้สอนในโรงเรียนถ่ายทอดไม่เข้าใจ หลายคนเบื่อและเกลียดไปเลยเพราะสาเหตุนี้ก็มี นี่คือปัญหาที่เกิดจากปัจจัยภายนอกค่ะ ส่วนตัวเหล่าซือคิดว่าด้วยตัววิชาเองนั้นมีความน่าสนใจและน่าเรียนรู้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว


2. มโนเอาเองว่าเหมือนการเรียนภาษาอังกฤษ
          

        ถึงแม้ว่าจะเป็นภาษาต่างประเทศเหมือนภาษาอังกฤษ แต่อย่าลืมนะว่าภาษาจีนกับอังกฤษไม่ใช่ภาษาตระกูลเดียวกัน ในการเรียนภาษาจีนสำหรับผู้เริ่มต้นนั้นต้องอาศัยความตั้งใจ พยายาม และมุมานะเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเราต้องจำเสียงคำอ่านที่เป็นตัวพินอินได้แล้วนั้น เราต้องจำลำดับขีดและวิธีการเขียนตัวอักษรจีนด้วย สรุปคือ เราต้องใช้พลังความจำเป็น2เท่า เพราะฉะนั้นก่อนเรียนควรทำความเข้าใจในจุดนี้ให้ดีซะก่อน
          
        ในการเรียนภาษาอังกฤษนั้นแค่จำตัวอักษรA-Zได้ เรื่องการผสมคำศัพท์และgrammarนั้นจะอ่านได้ไม่ยาก แต่กับภาษาจีนขั้นตอนในการทำความเข้าใจจะมากกว่า คือ ต้องเรียนรู้โครงสร้างตัวอักษรและวิธีการเขียนที่ถูกต้องก่อน จากนั้นจึงเริ่มฝึกเขียนตั้งแต่ตัวจีนพื้นฐานไปเรื่อยๆจนถึงระดับที่ผู้เรียนต้องการ รวมทั้งเรียนgrammarควบคู่ไปด้วยกัน
            
        อย่าคิดว่าเรียนแค่คำศัพท์กับการสนทนาก็พอแล้ว ความคิดนี้ตัดทิ้งไปได้เลย การเรียนภาษาต่างประเทศ(แม้กระทั่งภาษาไทยเองก็ตาม)สิ่งที่ต้องศึกษาควบคู่ไปด้วยกันคือหลักไวยากรณ์(grammar) เพื่อทำความเข้าใจและป้องกันการนำไปใช้สื่อความแบบผิดๆ และเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่นำความรู้ภาษาจีนไปใช้ในการสอบวัดระดับ(HSK,TOCFL) ศึกษาต่อในสาขาภาษาจีน ไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนหรือไต้หวัน หรือประกอบอาชีพในสายงานที่ต้องใช้ทักษะภาษาจีน


3. ขี้เกียจท่องศัพท์และทำแบบฝึกหัด
           

        คำว่า"ขี้เกียจ"ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วสำหรับการเรียนภาษาจีนคือจบเห่ค่ะ เพราะหัวใจสำคัญของการเรียนภาษาต่างประเทศ(ไม่ว่าภาษาอะไรก็ตาม) คือการท่องจำคำศัพท์ใหม่ๆ ถ้าเรามีคลังคำศัพท์ในสมองน้อยเราก็จะมีความสามารถในการสื่อสารน้อยลงตามไปด้วย อย่าลืมนะว่าเรากำลังเรียนภาษาต่างประเทศอยู่ เพราะฉะนั้น จำเป็นต้องหมั่นทบทวน ท่องจำ และนำมาใช้อย่างสม่ำเสมอ
           
        ส่วนการหมั่นทำแบบฝึกหัดนั้นสำหรับผู้เริ่มเรียนต้องทำเยอะหน่อย เพื่อเป็นการปูพื้นฐานให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ยิ่งทำเยอะทักษะยิ่งเพิ่มมากขึ้น


4. ผลัดวันประกันพรุ่ง


        นักเรียนทุกคนที่เรียนกับเหล่าซือ เหล่าซือจะย้ำทุกครั้งว่าต้องทบทวนเนื้อหาทุกครั้งที่มาเรียน แรกๆมันยังไม่เยอะหรอก แต่พอนานๆเข้ามันจะเยอะมากจนรู้สึกไม่อยากทำ แต่ถ้าเราทบทวนบทเรียน หมั่นท่องศัพท์ และเตรียมการเรียนล่วงหน้าอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าไปได้ไกลแน่นอน
           
        สำหรับนักเรียนม.ปลายและมหาลัยถ้าทำแล้วมันจะเป็นดินพอกหางหมูไปเรื่อยๆจนไปถึงตอนสอบ พอมาอ่านเอาโค้งสุดท้ายพี่บอกเลยว่า"ไม่ทัน"


5. กล่าวโทษแต่ปัจจัยภายนอก
           

        คิดจะเดินทางไกลอย่าแบกของหนัก โลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่มนุษย์เราทำไม่ได้ เว้นแต่ว่า"เลือกที่จะไม่ทำ" ในการเรียนรู้ศาสตร์แขนงต่างๆนั้นหรือแม้กระทั่งจะทำอะไรก็ตาม ปัญหาย่อมตามมาเป็นเรื่องปกติ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นควรคิดหาวิธีแก้ไข ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ปัจจัยภายนอกแค่ส่วนน้อย


6. เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น
           

        เพื่อนเก่งเราไม่เก่ง คนอื่นเค้าเรียนรู้เร็วแต่เราเรียนรู้ช้าความคิดแบบนี้เหล่าซือแนะนำว่าตัดออกไปได้เลยคนเราเกิดมาต่างมีศักยภาพที่แตกต่างกันออกไป ร้อยคนก็ร้อยแบบ สิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุดคือตัวเราพยายามเรียนรู้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนอื่นเค้าจะโง่ดักดานหรือเก่งมาจากภพภูมิไหนก็เรื่องของเค้า ทำเรื่องของเราให้ดีที่สุดก็พอ


7. คิดว่าตัวเองทำไม่ได้
        ลองลงมือทำดูก่อน ผลมันจะออกมาเป็นยังไงค่อยว่ากัน เวลาเจอสิ่งใหม่ๆ คำศัพท์ใหม่อย่างเพิ่งไปกลัวหรือกังวลไปก่อนล่วงหน้า เพราะมันทำให้เสียเวลาอันมีค่าในชีวิตของเรา อย่าเพิ่งโยเย ถ้าลองทำดูแล้ว ลองพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ผลมราออกมากลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ อันนั้นก็อีกเรื่อง


8. เป้าหมายไม่ชัดเจน


        หลายคนเรียนไปก็ไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไร เห็นคนอื่นเค้าเรียนก็เรียนมั่ง ถ้างั้นก็อย่าเรียนจะดีกว่า เสียเงินเสียเวลา เอาเวลาไปทำในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆจะดีที่สุด ถ้าเราค้นพบว่าเราถนัดอะไรหรืออยากทำอะไรจริงๆแล้วควรจะจริงจังกับมันตั้งแต่ต้น อย่าหลายใจ อย่าโลภมากอยากจะเก่งเป็นยอดมนุษย์ เพราะตามหลักจิตวิทยาได้กล่าวไว้ว่า โลกใบนี้ไม่มีใครสามารถทำได้ทุกอย่างแบบยอดมนุษย์ ไม่งั้นเราก็จะเหมือนเป็ด บินได้แต่บินได้ไม่สูงแบบนก ว่ายน้ำได้แต่ว่ายได้ไม่ลึกเท่าปลา เป็นพวกเอาแน่เอานอนกับสิ่งใดไม่ได้ซักอย่าง


9. ฝึกฝนผิดเวลา ผิดวิธี และไม่ต่อเนื่อง


        ข้อนี้เหล่าซือแนะนำว่าอย่าทำจะดีที่สุด ในการท่องศัพท์และทบทวนบทเรียนภาษาจีนนั้น อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในข้อแรกๆคือเราต้องใช้ความจำเป็น2เท่า เพราะฉะนั้น เราต้องรู้จักเลือกเวลาในการทบทวน 

        คือ
        
        - อย่าท่องศัพท์หรือทบทวนบทเรียนในตอนที่กำลังง่วง ไม่สบาย หรือสภาพจิตใจและร่างกายไม่สู้ดี
        - ไม่ต้องจำกัดจำนวนว่าภายใน1วันจะต้องท่องให้ได้เท่านั้นเท่านี้ เพราะมันไม่ได้ส่งผลดีอะไรเลย 
           อยากทำเมื่อไหร่ก็ทำ เมื่อไหร่ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ(ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม)
        - ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าหยุดกลางคัน
        - ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ หลังจากที่สมองเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ใครอยากท่องศัพท์หริอใช้ความจำ 
          อย่างหนักหน่วงจัดได้เลยในช่วงเวลานี้(เพราะตอนสอบAddmissionเหล่าซือใช้ช่วงเวลานี้ในการ 
          อ่านหนังสือเตรียมสอบค่ะ)


10. ไม่ใฝ่รู้


        หากไม่ใฝ่รู้ทุกอย่างจบเห่เช่นกัน โลกของเราพัฒนามาก้าวไกลได้ก็เพราะบุคคลที่ชอบคิดชอบตั้งคำถาม ชอบขี้สงสัย สังเกตุได้จากประวัติของนักวิทยาศาสตร์หรือบุคคลระดับโลก หากเราทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วมันก็ยากที่จะมีโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิต คิดจะเก็บเกี่ยวผลผลิตต้องเริ่มจากหว่านเมล็ดซะก่อน

           
เมื่อรู้สาเหตุที่แท้จริงแล้วก็หลีกเลี่ยงซะ รึถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุดคือ วิธีการเหล่านี้เลิกไปเลย


--Tutor Fha--


สนใจเรียนภาษาจีนกับ Tutor Fha Click!

https://www.facebook.com/Chinesetutorfha

ผู้ปกครองแบบไหนที่ติวเตอร์ไม่Love

                      ได้อ่านเคสที่เป็นนักเรียนไปแล้ว คราวนี้เรามาดูเคสผู้ปกครองกันบ้าง แต่ละคนที่เจอมานี่สุดยอดแห่งผู้ปกครองชั้นเลวที่ติวเต...