หลายคนอยากเรียนภาษาจีนเพราะอยากเพิ่มพูนศักยภาพด้านภาษาให้ตนเอง ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ดีและน่าชื่นชมแต่หลายคนที่ไม่เคยศึกษาหาข้อมูลมักจะคิดและมโนไปเองว่าไม่ต้องเรียนการเขียนตัวอักษรก็ได้ เรียนแค่การออกเสียงอย่างเดียวก็พอ ซึ่งความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ และอีกหลายๆคนก็มักจะเอาไปเปรียบเทียบกับการเรียนภาษาอังกฤษ(แค่เริ่มคิดก็เริ่มไม่ถูกทางซะแล้ว)
แล้ววิธีการไหนล่ะที่ทำให้เรียนภาษาจีนแล้วประสบความสำเร็จ เหล่าซือไม่มี How to ที่ตายตัวให้นักเรียนหรอกค่ะ แต่เหล่าซือมีวิธีการแบบไหนที่เรียนภาษาจีนแล้วไปไม่รอดมาบอก
1. มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อภาษาจีน
ข้อนี้สำคัญมากค่ะปกติแล้วคนเราถ้ามีทัศนคติที่ดีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราจะขวนขวายพยายามทำมันให้ได้ ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม ภาษาจีนเป็นภาษาที่ดูเหมือนจะยาก แต่ถ้าเราจับหลักการที่ถูกต้องได้แล้วจะไม่ยากเลย(ความเห็นส่วนตัว)
นักเรียนหลายคนไม่ชอบเรียนภาษาจีนเพราะว่ามันยาก โดนที่โรงเรียนบังคับให้เรียนอ.ผู้สอนในโรงเรียนถ่ายทอดไม่เข้าใจ หลายคนเบื่อและเกลียดไปเลยเพราะสาเหตุนี้ก็มี นี่คือปัญหาที่เกิดจากปัจจัยภายนอกค่ะ ส่วนตัวเหล่าซือคิดว่าด้วยตัววิชาเองนั้นมีความน่าสนใจและน่าเรียนรู้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
2. มโนเอาเองว่าเหมือนการเรียนภาษาอังกฤษ
ในการเรียนภาษาอังกฤษนั้นแค่จำตัวอักษรA-Zได้ เรื่องการผสมคำศัพท์และgrammarนั้นจะอ่านได้ไม่ยาก แต่กับภาษาจีนขั้นตอนในการทำความเข้าใจจะมากกว่า คือ ต้องเรียนรู้โครงสร้างตัวอักษรและวิธีการเขียนที่ถูกต้องก่อน จากนั้นจึงเริ่มฝึกเขียนตั้งแต่ตัวจีนพื้นฐานไปเรื่อยๆจนถึงระดับที่ผู้เรียนต้องการ รวมทั้งเรียนgrammarควบคู่ไปด้วยกัน
อย่าคิดว่าเรียนแค่คำศัพท์กับการสนทนาก็พอแล้ว ความคิดนี้ตัดทิ้งไปได้เลย การเรียนภาษาต่างประเทศ(แม้กระทั่งภาษาไทยเองก็ตาม)สิ่งที่ต้องศึกษาควบคู่ไปด้วยกันคือหลักไวยากรณ์(grammar) เพื่อทำความเข้าใจและป้องกันการนำไปใช้สื่อความแบบผิดๆ และเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่นำความรู้ภาษาจีนไปใช้ในการสอบวัดระดับ(HSK,TOCFL) ศึกษาต่อในสาขาภาษาจีน ไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนหรือไต้หวัน หรือประกอบอาชีพในสายงานที่ต้องใช้ทักษะภาษาจีน
3. ขี้เกียจท่องศัพท์และทำแบบฝึกหัด
ส่วนการหมั่นทำแบบฝึกหัดนั้นสำหรับผู้เริ่มเรียนต้องทำเยอะหน่อย เพื่อเป็นการปูพื้นฐานให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ยิ่งทำเยอะทักษะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
4. ผลัดวันประกันพรุ่ง
นักเรียนทุกคนที่เรียนกับเหล่าซือ เหล่าซือจะย้ำทุกครั้งว่าต้องทบทวนเนื้อหาทุกครั้งที่มาเรียน แรกๆมันยังไม่เยอะหรอก แต่พอนานๆเข้ามันจะเยอะมากจนรู้สึกไม่อยากทำ แต่ถ้าเราทบทวนบทเรียน หมั่นท่องศัพท์ และเตรียมการเรียนล่วงหน้าอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าไปได้ไกลแน่นอน
สำหรับนักเรียนม.ปลายและมหาลัยถ้าทำแล้วมันจะเป็นดินพอกหางหมูไปเรื่อยๆจนไปถึงตอนสอบ พอมาอ่านเอาโค้งสุดท้ายพี่บอกเลยว่า"ไม่ทัน"
5. กล่าวโทษแต่ปัจจัยภายนอก
6. เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น
7. คิดว่าตัวเองทำไม่ได้
ลองลงมือทำดูก่อน ผลมันจะออกมาเป็นยังไงค่อยว่ากัน เวลาเจอสิ่งใหม่ๆ คำศัพท์ใหม่อย่างเพิ่งไปกลัวหรือกังวลไปก่อนล่วงหน้า เพราะมันทำให้เสียเวลาอันมีค่าในชีวิตของเรา อย่าเพิ่งโยเย ถ้าลองทำดูแล้ว ลองพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ผลมราออกมากลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ อันนั้นก็อีกเรื่อง
8. เป้าหมายไม่ชัดเจน
หลายคนเรียนไปก็ไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไร เห็นคนอื่นเค้าเรียนก็เรียนมั่ง ถ้างั้นก็อย่าเรียนจะดีกว่า เสียเงินเสียเวลา เอาเวลาไปทำในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆจะดีที่สุด ถ้าเราค้นพบว่าเราถนัดอะไรหรืออยากทำอะไรจริงๆแล้วควรจะจริงจังกับมันตั้งแต่ต้น อย่าหลายใจ อย่าโลภมากอยากจะเก่งเป็นยอดมนุษย์ เพราะตามหลักจิตวิทยาได้กล่าวไว้ว่า โลกใบนี้ไม่มีใครสามารถทำได้ทุกอย่างแบบยอดมนุษย์ ไม่งั้นเราก็จะเหมือนเป็ด บินได้แต่บินได้ไม่สูงแบบนก ว่ายน้ำได้แต่ว่ายได้ไม่ลึกเท่าปลา เป็นพวกเอาแน่เอานอนกับสิ่งใดไม่ได้ซักอย่าง
9. ฝึกฝนผิดเวลา ผิดวิธี และไม่ต่อเนื่อง
ข้อนี้เหล่าซือแนะนำว่าอย่าทำจะดีที่สุด ในการท่องศัพท์และทบทวนบทเรียนภาษาจีนนั้น อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในข้อแรกๆคือเราต้องใช้ความจำเป็น2เท่า เพราะฉะนั้น เราต้องรู้จักเลือกเวลาในการทบทวน
คือ
- อย่าท่องศัพท์หรือทบทวนบทเรียนในตอนที่กำลังง่วง ไม่สบาย หรือสภาพจิตใจและร่างกายไม่สู้ดี
- ไม่ต้องจำกัดจำนวนว่าภายใน1วันจะต้องท่องให้ได้เท่านั้นเท่านี้ เพราะมันไม่ได้ส่งผลดีอะไรเลย
อยากทำเมื่อไหร่ก็ทำ เมื่อไหร่ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ(ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม)
- ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าหยุดกลางคัน
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ หลังจากที่สมองเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ใครอยากท่องศัพท์หริอใช้ความจำ
- ไม่ต้องจำกัดจำนวนว่าภายใน1วันจะต้องท่องให้ได้เท่านั้นเท่านี้ เพราะมันไม่ได้ส่งผลดีอะไรเลย
อยากทำเมื่อไหร่ก็ทำ เมื่อไหร่ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ(ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม)
- ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าหยุดกลางคัน
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ หลังจากที่สมองเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ใครอยากท่องศัพท์หริอใช้ความจำ
อย่างหนักหน่วงจัดได้เลยในช่วงเวลานี้(เพราะตอนสอบAddmissionเหล่าซือใช้ช่วงเวลานี้ในการ
อ่านหนังสือเตรียมสอบค่ะ)
10. ไม่ใฝ่รู้
หากไม่ใฝ่รู้ทุกอย่างจบเห่เช่นกัน โลกของเราพัฒนามาก้าวไกลได้ก็เพราะบุคคลที่ชอบคิดชอบตั้งคำถาม ชอบขี้สงสัย สังเกตุได้จากประวัติของนักวิทยาศาสตร์หรือบุคคลระดับโลก หากเราทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วมันก็ยากที่จะมีโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิต คิดจะเก็บเกี่ยวผลผลิตต้องเริ่มจากหว่านเมล็ดซะก่อน
เมื่อรู้สาเหตุที่แท้จริงแล้วก็หลีกเลี่ยงซะ รึถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุดคือ วิธีการเหล่านี้เลิกไปเลย
--Tutor Fha--
สนใจเรียนภาษาจีนกับ Tutor Fha Click!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น