จากประสบการณ์ที่เหล่าซือสอนนักเรียนมาเยอะมาก จากนักเรียนมาหลากหลายรูปแบบทั้งดีและไม่ดี ในบทความนี้จะมาเล่าประสบการณ์ที่ 2 เคสใหญ่ๆ และหนักๆ สำหรับนักเรียนที่ประพฤติตนต่อติวเตอร์แบบด้อยคุณภาพ ถ้าไปทำพฤติกรรมหรือนิสัยแบบนี้กับติวเตอร์ท่านอื่นก็ไม่มีใครอยากสอนรังแต่จะทำให้ติวเตอร์ท่านนั้นเสียสุขภาพจิต+หมดกำลังใจที่จะสอนต่อ
หากใครผ่านมาอ่านแล้วรู้ตัวว่าเรามีพฤติกรรมแบบนี้ละก็เลิกซะ เพราะมันเป็นพฤติกรรม Toxic หรือมีคนใกล้ตัวที่ทำพฤติกรรมดังที่เล่ามาก็เตือนพวกเขาด้วยว่าให้หยุดซะ คนอื่นเค้าไม่โอเคกับคุณ
เคสแรก:
เป็นนักเรียนหญิงชั้นม.6 แม่มาลงคอร์สติวเพิ่มเกรดให้ แต่เค้าจะมีพฤติกรรมแปลกๆ คือ สื่อสารไม่เข้าใจ พอถามว่าเข้าใจมั้ยก็จะไม่ยอมพูด พอนัดให้ท่องศัพท์หรือจำศัพท์อะไรก็ไม่ยอมทำตาม(ทั้งๆ ที่เราอธิบายรายละเอียดให้ฟังอย่างกระจ่างแจ้งทุกจุดแล้ว) และพอถึงวันนัดหมายการสอบเขียนคำศัพท์ เค้ากลับเอาวิชาอื่นมานั่งอ่านในชม.เรียนของเราซึ่งตรงนี้เราโกรธมาก มันแสดงถึงนักเรียนคนนี้ไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเลย เหมือนคนจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังไม่เป็น เท่าที่สัมผัสเค้ามา เรามีความรู้สึกว่าน่าจะมีปัญหาทางด้านจิตใจอะไรบางอย่าง(แค่สันนิษฐานจากพฤติกรรมที่เราสัมผัสเค้า ไม่ได้ไปตัดสินเค้าแต่อย่างใด) หลังจากเรียนชม.สุดท้ายแล้วเราเดินออกแบบไม่หันหลังกลับไปมองนักเรียนคนนี้อีกเลย หากไม่อยากเรียนวิชานี้จะมาลงคอร์สเรียนตั้งแต่แรกทำไม เค้าไม่เคยทำตามคำแนะนำของติวเตอร์เลย มันไม่มีทางที่เกรดจะดีขึ้นหรอก
เคส 2:
เป็นนักเรียนชายชั้นม.4 แม่มาลงคอร์สติวเพิ่มเกรดให้เช่นกัน ตลอดเวลาที่เรียนเด็กคนนี้จะไม่เปิดกล้อง แต่ก็ไม่เป็นไร ตอนนั้นคิดว่าเด็กอาจจะอยู่ใจสภาวะที่ไม่สะดวกเปิด แต่เราเปิดกล้องสอนตลอดเพื่อมารยาทสากล แต่เรามีความรู้สึกเอะใจตั้งแต่ 2 ชม.แรกที่ทดลองเรียน คือ นักเรียนคนนี้เค้าบอกว่าที่โรงเรียนให้แต่งประโยคจากคำศัพท์ที่ครูกำหนด แล้วตัวเค้าทำไม่ได้เลย ก็เลยมาให้เราแต่งให้ ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรก็แต่งให้ไป พอถึงชม.ที่ 2 ชองการทดลองเรียนเราเริ่มเอะใจว่าคนเราถ้าไม่รู้จักกันเค้าจะไม่อาศัยไหว้วานให้ทำการบ้านให้แบบนี้นะ หรือว่าเราคิดมากไปเองรึป่าว แต่เรามีความรู้สึกว่าเด็กคนนี้กำลังเริ่มที่จะเอาเปรียบเราอยู่ พอแม่ของเด็กคนนี้ทักไลน์มาถามว่าลูกเค้าเรียนเป็นไงบ้าง เลยตอบแม่เค้าไปว่า"ปกติหากนักเรียนมีการบ้านหรือแบบฝึกหัดมาจากโรงเรียนเหล่าซือจะไม่ทำให้นะคะ แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นการดูแนวการสอนไปก่อน" ไม่คิดว่าเค้าจะลงคอร์สเรียนยาว(เพราะเด็กคนนี้มันเห็นว่ามีคนมาทำการบ้านให้มันยังไงล่ะ)
พอเรียนเนื้อหาที่เป็นภาษาจีนพื้นฐานไปได้ซักพัก เด็กคนนี้ก็ยังไม่เปิดกล้อง(ก็คือมันไม่ให้เกียรติเราตั้งแต่แรกแล้วแหละ) และไม่เคยบอกเหตุผลที่ไม่เปิดกล้องด้วย จากนั้นมันก็เริ่มโวยว่า "ผมจะต้องเรียนอันนี้ไปอีกนานเท่าไหร่" เราก็แปลกใจ สอนหนังสือมาจะ 10 ปียังไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้เลย เสียมารยาทมาก เพราะเด็กคนนี้พื้นฐานอ่อนถึงอ่อนมาก เราเลยต้องสอนการออกเสียงขั้นพื้นฐานให้ใหม่ทั้งหมด อีกอย่าง เรื่องการออกเสียงขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งที่ทางนักเรียนเค้ารีเควสมาเองด้วย พอสอนการออกเสียงขั้นพื้นฐานไปได้ซักประมาณ 7-8 ชม. แล้วมันก็โวยขึ้นมาอีกว่าทำไมไม่สอนเนื้อหาในหนังสือเรียนซักที อ้าว! ก็คุณพื้นฐานอ่อน คุณก็ต้องมาปรับพื้นใหม่แล้วมันก็ต้องใช้เวลา ถ้ามาถามว่านานเท่าไหร่แต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากันหรอก เพราะทักษะในการทำความเข้าใจ+ความสามารถในการรับข้อมูลมันต่างกัน หากคุณมาถามแบบเค้นเอาความแบบนี้จากเรา เราไม่มีคำตอบที่ตีค่าออกมาเป็นตัวเลขที่ตายตัวให้คุณหรอก มันก็ต้องสอนต้องเทรนด์จนกว่าคุณจะเป็นนั่นแหละ เพราะทักษะคุณอ่อนมาก
มีอยู่วันนึง เด็กคนนี้เข้าเรียนช้าไป 15 นาที เราก็ไม่ว่าอะไร แล้วเรายังถามด้วยนะว่าวันนี้มีธุระอะไรมั้ยเดี๋ยวชดเชยให้ เด็กบอกว่า พอดีวันนี้เรียนชดเชยไม่ได้เพราะมีธุระอย่างอื่นต้องทำ วันนั้นก็ไม่ได้ชดเชย 15 นาทีที่เข้าสาย กรณีนี้ถ้าเป็นนักเรียนคนอื่นเค้าจะไม่อะไร พอเรียนครั้งต่อไปเค้าก็เข้าเรียนและเลิกเรียนตามกำหนด แต่เด็กคนนี้มันไม่จบ มันจะให้เราชดเชย 15 นาทีที่เข้าสายไปเป็นวันอื่นให้ได้ พอเราบอกว่า จะชดเชยให้ครั้งนี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้ามีครั้งต่อไปจะไม่ชดเชยทบเป็นวันอื่นให้อีกแล้ว แล้วเด็กก็บอกว่า งั้นไม่ชดเชยแล้วก็ได้(แปลว่ามันรู้ตัวแล้วแหละ ว่าเรารู้ทัน) แต่หลังจากนั้นเด็กคนนี้ก็ยังถามถึงเรื่องการชดเชย 15 นาทีที่มันเข้าเรียนสายเองไปเป็นวันอื่นอีกประมาณ 3 ครั้ง จนเราชักจะทนไม่ไหว นิดหน่อยก็จะเอาเปรียบ เลยคิดว่าต้องทำอะไรซักอย่าง เลยออกมาตรการอย่างปุบปับอย่างเป็นทางการเพื่อมารับมือกับเด็กขี้เอาเปรียบแบบนี้โดยเฉพาะ โดยการเขียนประกาศลงเพจที่เปิดคอร์สรับสอนและในไลน์ว่า
"หากได้ชำระเงินลงคอร์สเรียนและมีการลงบันทึกเวลาเรียนแล้ว หากผู้เรียนยกเลิกกลางคันจะไม่คืนเงินให้" และ
"การชดเชยเวลาเข้าเรียนช้า จะชดเชยให้ได้เฉพาะวันที่มีการเข้าเช้าเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ทบเป็นวันอื่น"
ที่ต้องออกมาตรการแบบนี้ไม่ใช่ว่าเราจะใจร้าย แต่ในเมื่อมันมีคนที่จ้องจะเอาเปรียบเราและเราก็รู้ตัวว่ากำลังจะถูกเอาเปรียบ เราจึงต้องหาทางหนีทีไล่ เพราะส่วนตัวเราเกลียดคนขี้เอาเปรียบเป็นทุนเดิมสุดๆ อยู่แล้ว คนแบบนี้hereมาก มาเจอนักเรียนทำพฤติกรรมแบบนี้ใส่อีก ชักจะหมดความอดทนแล้วเหมือนกัน ยิ่งทวีคูณความเกลียดชังหนักเข้าไปอีก แต่มันก็ยังไม่รู้ตัวหรอกว่ามันทำอะไรกับคนอื่นไว้บ้าง โดยเฉพาะกับเรา ไม่คิดเหมือนกันว่าชีวิตนี้จะมาเจอนักเรียนทำพฤติกรรมแบบนี้ใส่ เพราะพ่อแม่เราสอนมาว่าผู้ชายที่ดีเค้าจะไม่เอาเปรียบผู้หญิงกันหรอก คนที่ชอบเอาเปรียบผู้หญิงน่ะ เค้าเรียกว่า "หน้าตัวเมีย" รึไม่ก็ "แมงดา" ซึ่งจากพฤติกรรมของไอ้เด็กคนนี้ที่มันทำกับเรามันก็เข้าข่ายในสิ่งที่พ่อแม่เราสอนซะด้วย
พอเรียนไปจนถึงเรื่องกฎการเขียนตัวอักษรจีน เด็กคนนี้มันก็โวยอีกว่า "กฎเยอะจัง" เลยต้องตอกกลับไปว่า "ถ้าไม่เรียนตรงนี้เหล่าซือไม่สามารถสอนเนื้อหาในหนังสือเรียนให้ได้ค่ะ เพราะเนื้อหาขั้นพื้นฐานยังเรียนรู้ไม่หมดเลย" คือไอ้เด็กคนนี้มันจะให้เราทำตามใจมันทุกอย่างให้ได้นั่นแหละ แต่เราก็ยังยืนยันกระต่ายขาเดียวว่า "ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของนักเรียนการทำแบบฝึกหัดนักเรียนต้องทำเองค่ะ เหล่าซือไม่ทำให้ หากทำด้วยตัวเองแล้วไม่เข้าใจหรือมีปัญหาอะไรให้เอามาถาม อันนี้ก็สมเหตุสมผล" วันนั้นเด็กนี่ก็จ๋อยไป
แต่ยังไม่หมดกับนิสัย+สันดารขี้เอาเปรียบ โวยนั่นโวยนี่อยู่เรื่อยจนเราต้องตัดทอน+เร่งรัดเนื้อหาขั้นพื้นฐานบางส่วน เพื่อเข้าสู่เนื้อหาในหนังสือเรียนตามที่เด็กเร่งรัดมา พอเข้ามาสู่หนังสือเรียนแล้วปรากฎว่าพินอินยังอ่านไม่เป็นเหมือนเดิม เฮ้ย!นี่แปลว่าไม่เคยใส่ใจในสิ่งที่เราตั้งใจสอนมันมาแต่แรกเลยนี่หว่า พอเราสอนๆ ไปตามแผนที่วางไว้มันกลับมาโวยนั่นโวยนี่จนระบบการสอนเรารวนไปหมด(เพราะความงี่เง่า เอาแต่ใจ เอาแต่ตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลของไอ้เด็กคนนี้ล้วนๆ นั่นแหละ) จากนั้น เราเลยตัดสินใจที่จะไม่สอนเรื่องการออกเสียงให้เด็กคนนี้อีกเพราะจากที่สอนมาตั้งแต่ต้นแล้วมันไม่เอาวิชาเลย เอาแต่เร่งรัดนู่นนี่นั่นจนเรารวน เลยส่ง Track audio ของหนังสือเรียนให้มันไปฝึกออกเสียงเอง
พอเราพูดกับเด็กคนนี้เรื่องที่ว่าถ้าคุณทำตัวแบบนี้ไม่มีใครเค้าอยากสอนคุณหรอก แม่ของเด็กคนนี้ก็โทร.มา บอกว่าที่เราพูดกับเด็กไป ลูกเค้าเสียใจ(แต่เราไม่เชื่อว่ามันเสียใจจริง เพราะเท่าที่สัมผัส เด็กคนนี้เหลี่ยมจัดและไม่มีสามัญสำนึก แล้วก็ไม่เอ่ยปากขอโทษเราซักคำ) แต่การเรียนการสอนครึ่งคอร์สหลังเราได้อัดวิดิโอไว้หมดเลย เลยส่งให้แม่เด็กดู พอดูเสร็จแล้วแม่เด็กโทร.มาขอโทษขอโพยกับเราในการกระทำของลูกรักของเขา(ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกับเรา) และได้อ้อนวอนให้เราสอนจนจบคอร์ส+ติวสอบปลายภาคให้ลูกเค้าหน่อย
พอเรียนมาจนถึงช่วงโค้งสุดท้ายที่ต้องติวสอบปลายภาคให้มัน มันก็เอาแนวข้อสอบทางโรงเรียนมาให้เราติว แนวข้อสอบบางข้อมันมีอยู่แล้วในหนังสือ แค่ลอกตามแค่นั้นเอง มันยังไม่ทำเลย โกรธมากกกกก มันบอกจะให้ติว แล้วตรงที่เป็นแบบฝึกหัดเคยบอกให้มันไปทำมาก่อนจะได้เข้าใจมากขึ้น มันก็ไม่ทำ คือที่มาลงคอร์สเรียนเพื่อจะเอาคำตอบอย่างเดียวนั่นแหละ ดูออกนานแล้ว เราเลยให้มันทำแบบฝึกหัดทั้งหมดในชม.เรียนให้เสร็จ พอติวสอบเสร็จหมดได้คำตอบทุกข้อเพื่อไปท่องเตรียมสอบ ทีนี้มันจะไม่ยอมท่องเอง มันจะให้เราติวอีกทั้งหมดให้ได้ เราเลยบอกมันไปว่า "ก็แค่กลับไปท่องเองให้จำได้ก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นมีอะไรต้องติวแล้ว ทุกคนอ่านหนังสือออก ถ้าอ่านหนังสือออกก็ต้องท่องเอง" คือยังไงเราก็จะไม่ติวให้มันอีกแล้วแหละ ส่วนเวลาเรียนที่เหลืออีกไม่กี่ชม.ก็เอาบทก่อนๆ มานั่งสอนให้มันหมดคอร์สไป พอสอนหมดคอร์สแล้วรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก และขอบคุณตัวเองที่สามารถชนกับปัญหาและแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี
พอจบคอร์สแล้วเรากรวดน้ำคว่ำขันกับไอ้เด็กนรกนี่เลย อธิษฐานในใจด้วย ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ ขออย่าได้มาพบเจอกันอีก!!!!! และเราจะเอาเคสที่เราเจอมาเตือนใครต่อใครด้วย ตราบใดที่โลกนี้ยังมีพ่อแม่ประเภทสอนลูกให้เอาเปรียบผู้อื่นอยู่
เวรกรรมทำงานตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณ(มึง)ไปทำไม่ดีใส่คนอื่นแล้วแหละ
โดยเฉพาะกับเรา(กู) เพราะมันไม่ได้แสดงว่าคุณอยู่เหนือผู้อื่น แต่มันคือการแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าคุณhereขนาดไหนต่างหาก
-- Tutor Fha --
สนใจเรียนภาษาจีนกับ Tutor Fha Click!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น